คีโต กับความเข้าใจผิด
อ้างอิงถึง Differences between ketosis and ketoacidosis จากบทความนี้ผมขออนุญาตเอามาแปลแบบตรงตัวให้อ่านกัน แต่ผมก็คิดว่าคนที่อ่านอาจจะเกิดข้อสงสัยเหมือนกันว่า แล้วข้อมูลในบทความนี้มันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เป้าหมายของผมคืออยากให้ตระหนักถึงความแตกต่างของอาการทั้งสองแบบ ไม่อยากให้เข้าใจแบบเหมารวมว่ามันเหมือนกัน และข้อแนะนำจากภรรยาผมคือ
ความรู้ทุกอย่างในโลกนี้มันมีวันหมดอายุ การเลือกเชื่อ ทำได้แค่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น โปรดศึกษาข้อมูลใหม่ๆอยู่เสมอ
ต่อจากนี้เป็นบทความที่แปลมา และต้นฉบับอาจมีข้อมูลเพิ่มเติม
Ketosis กับ Ketoacidosis คือภาวะที่ร่างกายเกิดคีโตนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน Ketosis นั้นไม่เป็นอันตรายใดใด ในขณะที่ Ketoacidosis นั้นอันตรายถึงชีวิตได้เลย
ภาวะ Ketosis เกิดขึ้นในเวลาที่ร่างกายเริ่มเผาผลาญไขมันแทนกลูโคส โดยวิธีกระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ก็คือการใช้โภชนาการที่เรียกว่า ketogenic diet หรือ “keto” diet นั่นก็คือวิธีการกินพลังงานจากไขมันที่สูงขึ้นและกินพลังงานจากแป้งให้ต่ำ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถลดน้ำหนักได้
ภาวะ Ketoacidosis คือภาวะที่ร่างกายผลิต ketones ในระดับที่สูงจนอันตราย และส่วนมากเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานประเภทที่ 1
โดยในบทความนี้จะให้ความคิดเห็นในเรื่องความแตกต่างระหว่างภาวะ ketosis และ ketoacidosis รวมถึงอาการของทั้งสองภาวะ และยังอธิบายว่าเมื่อไหร่ควรพบแพทย์ และวิธีป้องกันและดูแลภาวะ ketoacidosis
Ketosis vs. ketoacidosis
ketosis เกิดขึ้นเมื่อร่างกายใช้พลังงานจากไขมันแทนการใช้พลังงานจากกลูโคส โดยตับจะทำการสลายไขมันแล้วเปลี่ยนรูปแบบทางเคมีไปเป็นสิ่งที่เรียกว่า ketones และปล่อยมันเข้าสู่กระแสเลือด แล้วร่างกายเราก็จะสามารถใช้มันเป็นแหล่งพลังงานได้
โภชนาการแบบ ketogenic diet คือการกินที่มุ่งหวังที่จะทำให้เกิด ketosis นี่เอง ด้วยการกินไขมันในปริมาณที่สูงและกินคาร์โบไฮเดรตให้ต่ำ ซึ่งการกินแบบนี้เริ่มได้รับความนิยมในหมู่คนที่ต้องการให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและลดน้ำหนัก
แต่เดิมแพทย์ได้พัฒนาการกิน ketogenic diet เพื่อรักษาอาการลมบ้าหมูในเด็ก โดยวิธีกิน ketogenic diet แบบแรกๆก็คือการกินไขมัน 3–4 กรัม ในทุกๆการกินคาร์โบไฮเดรต และโปรตีน 1 กรัม และจากการศึกษาโดย มูลนิธิลมบ้าหมูได้แสดงให้เห็นว่า เด็กที่ทดลองกินแบบนี้ ครึ่งหนึ่งมีอาการชักน้อยลง ในขณะที่ 10–15 เปอรเซ็นต์เกือบไม่มีอาการอีกเลย
แต่เหล่าแพทย์เองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดการกิน ketogenic diet ถึงสามารถลดอาการโรคลมบ้าหมูได้ แต่การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าวิธีกินแบบนี้ยังช่วยอาการผิดปกติทางระบบประสาทอื่นๆเช่น พากินสัน และ อัลไซเมอร์ได้อีกด้วย
ในทางกลับกัน ketoacidosis เกิดขึ้นตอนที่ร่างกายรู้สึกกระหายและเริ่มสลายไขมันและโปรตีนอย่างรวดเร็วเกินไป ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานประเภทที่ 1
ถ้าคนคนหนึ่งมีอินซูลินไม่เพียงพอ ร่างกายไม่สามารถย้ายกลูโคสจากเลือดไปสูงเซลล์ได้ ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างพลังงาน ส่งผลระดับกลูโคสและคีโตนสูงในกระแสเลือด ซึ่งแพทย์จะเรียกอาการนี้ว่าเป็น ketoacidosis จากเบาหวาน
แพทย์สามารถบ่งชี้ได้จากการตรวจเลือดและปัสสาวะได้ว่าใครอยู่ในภาวะ ketosis หรือ ketoacidosis
ในขณะที่ ภาวะโภชนาการ ketosis นั้นปกติจะมีระดับ ketone ในเลือดอยู่ที่ระดับ 0.5–3.0 มิลลิโมล ต่อลิต (mmol/L) อ้างอิงตาม สมาคมโรคเบาหวานชาวอเมริกัน บุคคลควรตรวจระดับคีโตนของเขาเมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดอยู่ในระดับที่สูงกว่า 240 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (mg/dl)
คนที่เป็นเบาหวานที่มีระดับคีโตนสูงมีความเสี่ยงที่จะเป็น ketoacidosis จากเบาหวานอย่างมีนัยยะสำคัญ
อาการของ ketoacidosis
ketoacidosis จากเบาหวาน เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากเบาหวานประเภทที่ 1 และมักจะเกิดเมื่อผู้ป่วยได้รับอินซูลินไม่เพียงพอในเวลาที่เหมาะสม และการกินอาหารไม่เพียงพอบางครั้งก็อาจจะกระตุ้นให้เกิดภาวะ ketoacidosis จากเบาหวานได้เช่นกัน
อาการของ ketoacidosis จากเบาหวานมีอาการดังนี้:
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- มีระดับคีโตนสูงขึ้นในปัสสาวะ
- กระหายน้ำและปัสสาวะบ่อย
- อ่อนเพลีย
- ผิวแห้งหรือแดง
และอาการอาจจะพัฒนาไปถึงอาการเหล่านี้:
- คลื่นไส้และอาเจียน
- ปวดท้อง
- หายใจลำบาก
- ได้กลิ่นผลไม้จากลมหายใจ
- รู้สึกไม่อยู่กับร่องกับรอย
- เหม่อลอย
อาการของ ketosis
ในคนส่วนใหญ่แล้ว ketosis เป็นภาวะเมตาบอลีซึมในช่วงสั้นๆที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเปลี่ยนจากการเผาผลาญน้ำตาลกลูโคสมาเป็นการเผาผลาญไขมันเป็นการชั่วคราว ในช่วงเวลานี้ระดับของคีโตนในกระแสเลือดจะเพิ่มขึ้น
คนที่ใช้โภชนาการแบบ ketogenic diet หวังว่าจะรักษาช่วงเวลาของการเกิด ketosis ไว้ให้นานขึ้น บางคนใช่วิธีอดอาหารเพื่อเข้าสู่ภาวะนี้ก็มี
Ketosis อาจทำให้บางคนเกิดกลิ่นลมหายใจและน้ำหนักลดลง และมันอาจทำให้ปวดหัว กระหายน้ำ และ ท้องร้องได้
อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นให้เกิด ketosis นี้ปกติจะปลอดภัย แต่มันก็อาจจะทำให้บางคน เกิดภาวะขาดสมดุลทางโภชนาการ หรืออาจจะส่งผลให้ได้พลังงานไม่เพียงพอ ซึ่งภาวะทุพโภชนาการนี้อาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้:
- เมื่อยล้า
- อ่อนเพลีย
- เสียสมาธิ หรือมีปัญหาเรื่องความจำ
- อารมณ์แปรปรวน
- โลหิตจาง
- รู้สึกหนาว
- ป่วยบ่อย
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
แพทย์สามารถตรวจเลือดหรือปัสสาวะเพื่อวิเคราะห์ว่าคนคนนั้นเป็น ketosis หรือ ketoacidosis ซึ่งเป็นการตรวจเพื่อวัดระดับคีโตน น้ำตาล และความเป็นกรดในร่างกาย
ภาวะโภชนาการแบบ ketosis ไม่ได้ส่งผลใดใดทางการแพย์ และไม่ต้องวินิจฉัยความผิดปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะ ketoacidosis นั้นเป็นภาวะที่คุกคามชีวิต และทุกคนที่มีอาการควรรีบไปพบแพทย์ทันที ผู้ที่มีสัญญาณของอาการขาดสารอาหารควรพบแพทย์
แพทย์มักจะจัดเตรียมชุดทดสอบปัสสาวะให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 1 อยู่แล้ว เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถตรวจสอบระดับคีโตนเขาได้เอง
การรักษาอาการ ketoacidosis
ketoscidosis จากเบาหวาน เป็นภาวะฉุกเฉินในทางการแพทย์ อาการสามารถพัฒนาได้เร็วมาก แต่ก็สามารถรักษาได้มากเช่นกัน
ปกติแพทย์มักจะดูแลคนที่เป็น ketoacidosis จากเบาหวานในโรงพยาบาล หรือห้องฉุกเฉิน การรักษามักจะทำโดยใช้อินซูลินร่วมกับของเหลวและการใช้สารอิเล็กโตรไลท์
คนส่วนใหญ่ที่มีอาการ ketoacidosis จากเบาหวานมักจะอยากอยู่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการ เมื่อระดับคีโตนในเลือดกลับสู่ระดับปกติ แพทย์อาจจะแนะนำให้ทดสอบเพิ่มเติมเพื่อตรวจหาปัจจัยเสื่ยงอื่นๆต่อไป
การป้องกันการเกิด ketoacidosis
ผู้ป่วยเบาหวานสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิด ketoacidosis ได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้:
- เฝ้าดูระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ และแจ้งให้แพทย์ทราบถ้ามันควบคุมไม่อยู่
- ตรวจสอบคีโตนในปัสสาวะ ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 240mg/dl
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายถ้าพบคีโตนในปัสสาวะและระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- รับอินซูลินตามที่แพทย์กำหนดมาให้ครบ
- กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพและรักษาความสมดุลทางโภชนาการ
- หลีกเลี่ยงการงดมื้ออาหาร
สรุป
ถึงแม้ว่า ภาวะ ketosis และ ketoacidosis จะส่งผลให้ระดับคีโตนในเลือดสูงขึ้นทั้งคู่ แต่มันไม่เหมือนกัน ketosis เป็นความต้องการให้เกิด ด้วยการกิน ketogenic diet และปกติแล้วมันปลอดภัย แต่ ketoacidosis เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้เกิดอันตรายจากโรคเบาหวานประเภทที่ 1
ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยงการกิน ketogenic diet และปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำการรักษา เพื่อป้องกันการเกิดภาวะ ketoacidosis
การกิน Ketogenic diet สามารถช่วยให้ผู้คนลดน้ำหนักได้และอาจทำให้สุขภาพดีขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามมันจะดีกว่าถ้าได้พูดคุยกับแพทย์ก่อนที่จะทดลองกินโภชนาการอะไรใหม่ๆ